ทำวิกฤติให้เป็นโอกาส
ในปี2568 ที่กำลังเผชิญอยู่ทำให้เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมาหลายคนที่อยู่ในวงการธุรกิจและชีวิตประจำวันเริ่มพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสถานการณ์ตอนนี้อาจหนักหนาสาหัสกว่าช่วงวิกฤตCOVID-19 และอาจยาวนานกว่าวิกฤตเศรษฐกิจปี2540
สัญญาณเตือนมีออกมาจากทุกระดับเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับบนลงมายังระดับล่าง
ธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง: สภาพคล่องขาดแคลนจนอยู่ไม่รอดธนาคารเข้มงวดและไม่ปล่อยสินเชื่อง่ายๆอีกต่อไป
ธุรกิจขนาดเล็กและกลางทั่วประเทศกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่องอย่างหนักเนื่องจากคู่ค้าทั้งขนาดเล็ก-กลาง-ใหญ่เลื่อนการจ่ายเงินบางรายเลื่อนเป็นเดือนบางรายเลื่อนเป็นปีส่งผลให้ธุรกิจหลายแห่งไม่สามารถดำเนินงานต่อได้หลายธุรกิจปิดตัวลงอย่างเงียบๆ
องค์กรใหญ่: โครงการล้มเหลวไม่เข้าเป้าทำให้กระทบการจ้างงาน
บริษัทขนาดใหญ่ในหลายอุตสาหกรรมที่เคยมั่นคงเริ่มเผชิญปัญหาจากการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่ไม่สร้างผลกำไรตามคาดส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานและเริ่มมีการปรับลดพนักงานจำนวนมากมาใช้เครื่องจักรกลและเอไอแทน
คนทำสื่อและงานบันเทิง: งานหดเงินหายต่างออกมาโอดครวญมีให้เห็นบ่อยขึ้น
วงการสื่อและบันเทิงซึ่งเคยเป็นพื้นที่ที่มีโอกาสมากมายกำลังหดตัวอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบหลายสิบปีผู้ทำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังรวมถึงงานออนไลน์ต่างประสบปัญหางานลดลงเงินน้อยลงหรือไม่มีงานเลย
สภาพอากาศ: เกษตรกรเสียหายหนักจากสภาวะอากาศแปรปรวญ
การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่ไม่แน่นอนทำให้ผลผลิตทางการเกษตรเสียหายอย่างรุนแรงเกษตรกรที่เดิมเผชิญความเสี่ยงอยู่แล้วต้องเผชิญปัญหาเพิ่มเติมเช่นฝนตกผิดฤดูน้ำท่วมในพื้นที่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นและความร้อนจัด
วิกฤตในกลุ่มชนชั้นกลาง-บน: สัญญาณการใช้จ่ายลดลง
• ผู้ปกครองโรงเรียนนานาชาติบางคนเริ่มย้ายลูกออกจากโรงเรียนเพราะค่าเทอมสูงเกินกำลัง
• ร้านอาหารระดับบนที่เคยมีลูกค้าแน่นช่วงเทศกาลกลับประสบปัญหาลูกค้าลดลงอย่างมาก
• แบรนด์สินค้าหรูที่ไม่เคยลดราคาต้องเข้าร่วมโปรโมชั่นครั้งแรกเพราะยอดขายไม่ถึงเป้า
‘เหนื่อยกว่าCOVID-19’: ทุกคนเจ็บแน่และจะเจ็บอีกนาน
ผู้ประกอบการและประชาชนทุกระดับต่างสะท้อนว่าเศรษฐกิจรอบนี้“ซึมและแย่ลงเรื่อยๆ” ความเหนื่อยล้าจากปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้เกิดจากความรุนแรงที่กระทันหันแต่จากความต่อเนื่องที่ไม่รู้จบ
“เหมือนกบที่ถูกต้มในน้ำร้อนช้าๆค่อยๆรู้ตัวตอนสายเกินไป”
ชี้ ! เศรษฐกิจไทยในปี 2568 สัญญาณเตือนครั้งใหญ่ “หาเงินมาก ใช้จ่ายน้อย เตรียมรับมือกับอนาคตที่ไม่แน่นอน”
ในปี 2568 ที่กำลังเผชิญอยู่ทำให้ เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา หลายคนที่อยู่ในวงการธุรกิจและชีวิตประจำวันเริ่มพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สถานการณ์ตอนนี้อาจหนักหนาสาหัสกว่าช่วงวิกฤต COVID-19 และอาจยาวนานกว่าวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540
สัญญาณเตือนมีออกมาจากทุกระดับเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับบนลงมายังระดับล่าง
ธุรกิจขนาดเล็ก-กลาง: สภาพคล่องขาดแคลนจนอยู่ไม่รอด ธนาคารเข้มงวดและไม่ปล่อยสินเชื่อง่ายๆอีกต่อไป
ธุรกิจขนาดเล็กและกลางทั่วประเทศกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก เนื่องจากคู่ค้าทั้งขนาดเล็ก-กลาง-ใหญ่เลื่อนการจ่ายเงิน บางรายเลื่อนเป็นเดือน บางรายเลื่อนเป็นปี ส่งผลให้ธุรกิจหลายแห่งไม่สามารถดำเนินงานต่อได้ หลายธุรกิจปิดตัวลงอย่างเงียบๆ
องค์กรใหญ่: โครงการล้มเหลวไม่เข้าเป้าทำให้ กระทบการจ้างงาน
บริษัทขนาดใหญ่ในหลายอุตสาหกรรมที่เคยมั่นคงเริ่มเผชิญปัญหาจากการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่ไม่สร้างผลกำไรตามคาด ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานและเริ่มมีการปรับลดพนักงานจำนวนมากมาใช้เครื่องจักรกลและเอไอแทน
คนทำสื่อและงานบันเทิง: งานหด เงินหาย ต่างออกมาโอดครวญมีให้เห็นบ่อยขึ้น
วงการสื่อและบันเทิง ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ที่มีโอกาสมากมาย กำลังหดตัวอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบหลายสิบปี ผู้ทำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง รวมถึงงานออนไลน์ ต่างประสบปัญหางานลดลง เงินน้อยลง หรือไม่มีงานเลย
สภาพอากาศ: เกษตรกรเสียหายหนักจากสภาวะอากาศแปรปรวญ
การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรเสียหายอย่างรุนแรง เกษตรกรที่เดิมเผชิญความเสี่ยงอยู่แล้วต้องเผชิญปัญหาเพิ่มเติม เช่น ฝนตกผิดฤดู น้ำท่วมในพื้นที่ที่ไม่เคยเกิดขึ้น และความร้อนจัด
วิกฤตในกลุ่มชนชั้นกลาง-บน: สัญญาณการใช้จ่ายลดลง
• ผู้ปกครองโรงเรียนนานาชาติบางคนเริ่มย้ายลูกออกจากโรงเรียน เพราะค่าเทอมสูงเกินกำลัง
• ร้านอาหารระดับบนที่เคยมีลูกค้าแน่นช่วงเทศกาล กลับประสบปัญหาลูกค้าลดลงอย่างมาก
• แบรนด์สินค้าหรูที่ไม่เคยลดราคา ต้องเข้าร่วมโปรโมชั่นครั้งแรก เพราะยอดขายไม่ถึงเป้า
‘เหนื่อยกว่า COVID-19’: ทุกคนเจ็บแน่ และจะเจ็บอีกนาน
ผู้ประกอบการและประชาชนทุกระดับต่างสะท้อนว่าเศรษฐกิจรอบนี้ “ซึมและแย่ลงเรื่อยๆ” ความเหนื่อยล้าจากปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้เกิดจากความรุนแรงที่กระทันหัน แต่จากความต่อเนื่องที่ไม่รู้จบ
“เหมือนกบที่ถูกต้มในน้ำร้อนช้าๆ ค่อยๆ รู้ตัวตอนสายเกินไป”
คำแนะนำสำหรับประชาชน: หาเงินมากขึ้น ใช้จ่ายให้น้อยลง
ในสถานการณ์เช่นนี้ การเตรียมตัวและวางแผนการเงินเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
• เพิ่มรายได้: พยายามหาช่องทางสร้างรายได้เสริม ไม่ว่าจะเป็นงานพาร์ทไทม์ ขายของออนไลน์ หรือลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาส
• ลดรายจ่าย: ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น พิจารณาความคุ้มค่าของการซื้อสินค้าและบริการทุกครั้ง
• วางแผนระยะยาว: เก็บออมเงินสำรองเผื่อสถานการณ์เลวร้าย และเตรียมตัวรับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคต
ถึงปี 2568 ที่ดูเหมือนอาจเป็นปีที่หนักหนาที่สุด แต่นั่นยังไม่จบ ปี 2569 จะมารับช่วงต่อแน่นอน แต่หากเราวางแผนอย่างรอบคอบและปรับตัวอย่างรวดเร็ว
ปี 2568 เราจะกลับไปเหมือนเหตุการณ์สมัยญี่ปุ่น ย้ายฐานเข้ามาในประเทศไทย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น